ข่าวสารดีๆจาก BSU

มหาวิทยาลัยกรุงเทพสุวรรณภูมิ

10 สัญญาณเงียบโรค Burnout Syndrome เบื่องาน หมดไฟ ใช่เลย !


“ทำงานหนักมากเกินจนไม่มีเวลาตัวเองระวังให้ดี Burnout Syndrome อาการที่อาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ รีบเช็ก 10 สัญญาณเงียบ และรีบหาทางแก้ไขกัน ครับ”
     อาการเหน็ดเหนื่อยและเมื่อยล้าทางร่างกายและจิตใจ เป็นเรื่องปกติที่คนทำงานต้องเจอ เมื่อเจอกับงานหนักมาตลอดทั้งวัน ซึ่งอาการเหล่านั้นก็สามารถหายไปได้เมื่อได้พัก ผ่อนอย่างเต็มที่ แต่ถ้าหากพักผ่อนก็แล้ว หากิจกรรมทำเพื่อผ่อนคลายก็แล้ว แต่ก็ยังรู้สึกหมดไฟในการทำงาน และรู้สึกเหนื่อยอยู่ตลอดเวลาละก็ นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า คุณกำลังเป็นโรค Burnout Syndrome ครับ
     ว่าแต่โรคนี้คือโรคอะไรล่ะ และอาการสังเกตได้จะมีอะไรบ้าง แล้วถ้าหากเรามีอาการเหล่านั้นจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้โรคนี้คุกคามชีวิตของเรา อย่ามัวแต่ละเลยความเปลี่ยน แปลงทางสุขภาพกายและใจ เพราะนั่นอาจเป็นหนทางนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าที่อันตรายได้นะ ก่อนที่เราจะไปดูสัญญาณและวิธีป้องกันของโรค Burnout Syndrome นี้ เรา มาทำความรู้จักกันก่อนว่า โรคนี้แท้จริงแล้วมีสาเหตุมาจากอะไรและส่งผลเสียต่อร่างกายของเราอย่างไรบ้าง
     Burnout Syndrome เป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากการทำงานหนักมากจนเกินไปและพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ความสนใจในงานที่ทำรวมทั้ง ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง นอกจากนี้ภาวะความเครียดเรื้อรังก็สามารถทำให้เป็นโรคดังกล่าวได้อีกด้วย โดยด็อกเตอร์ David Ballard นักจิตวิทยาแห่งสมาคม จิตเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยว่าสาเหตุของโรคนี้มาจากการที่ความสามารถในการรับมือกับความเครียดของคุณไม่ดีพอจนทำให้คุณไม่สามารถรับมือกับความเครียดมากมาย ที่ถาโถมเข้ามาได้นั่นเอง ทั้งนี้โรคนี้ก็สามารถรักษาได้หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ การที่คุณปล่อยปละละเลยกับอาการจิตเวชนี้สามารถส่งผลให้เกิดความ เสียหายทั้งในด้าน สุขภาพ ความสุข ความสัมพันธ์ และประสิทธิภาพในการทำงาน และอาจส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้าที่มีความอันตรายมากกว่าอีกด้วย ซึ่งด็อกเตอร์ Ballard ได้แนะนำวิธีสังเกต อาการจากโรคนี้ง่าย ๆ ดังนี้ครับ
1. อ่อนเพลีย

สัญญาณที่ชัดเจนของโรค Burnout Syndrome คือจะรู้สึกเหนื่อย ๆ ตลอดเวลา โดยอาการอ่อนเพลียนี้จะส่งผลกระทบต่อภาวะอารมณ์ สภาพจิตใจ รวมทั้ง สภาพร่างกายอีกด้วย

2. ขาดแรงจูงใจ

เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความกระตือรือร้นและรู้สึกหมดแรงจูงใจในการทำงาน นั่นแปลว่าคุณกำลังเป็นโรค Burnout Syndrome ครับ วิธีที่สังเกตอาการได้ ง่ายที่สุดคือ หากในตอนเช้าคุณรู้สึกไม่อยากไปทำงาน และต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะลากตัวเองออกจากเตียงมาทำงาน ควรจะพบจิตแพทย์เพื่อขอรับคำปรึกษาดีที่สุด ครับ

3. อารมณ์ร้าย มองโลกในแง่ลบ

อีกอาการที่สามารถบอกได้ว่าคุณกำลังเป็น Burnout Syndrome ก็คือการที่คุณเริ่มจะทำอะไรโดยไม่แคร์ใคร และไม่แยแสกับสิ่งรอบข้าง และเริ่มมีทัศนคติที่ไม่ ดีต่องานที่ทำอยู่ มองสิ่งที่ทำอยู่ในแง่ร้ายตลอดเวลา ในขณะที่คนอื่น ๆ ก็อาจจะเกิดความรู้สึกบ้างในบางครั้งเท่านั้น ถ้าหากมีอาการเหล่านี้คุณควรจะรีบพบจิตแพทย์ ก่อนที่อาการนี้ จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ครับ

4. ไม่มีสมาธิ

อาการของ Burnout Syndrome และความเครียดเรื้อรังจะไปรบกวนจิตใจจะทำให้คุณไม่มีสมาธิ เพราะเมื่อเรากำลังเครียด ความสนใจของเราจะลดน้อยลงและ จะให้ความสนใจไปแต่ในสิ่งในแง่ลบ เมื่อถึงเวลาหนึ่งสมองและร่างกายจะจัดการปลดปล่อยควา มเครียดออกมาเหมือนกับระเบิดลูกย่อม ๆ จากนั้นทุกอย่างก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ถ้าหากความเครียดเหล่านั้นไม่ได้รับการปลดปล่อยออกมาก็อาจจะทำให้คุณมีปัญหาในเรื่องการให้ความสนใจกับสิ่งอื่น ๆ ได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจ การแก้ปัญหา และทำให้ คุณขี้ลืมได้เช่นกัน

5. ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง

หากคุณยังไม่แน่ใจว่ากำลังเป็นโรค Burnout Syndrome หรือเปล่า ก็ลองนำผลงานเก่า ๆ ที่คุณเคยทำมาเปรียบกับงานที่คุณกำลังทำอยู่ หากงานในปัจจุบัน ของคุณไม่ค่อยดีเท่าไร นั่นแปลว่าโรคนี้กำลังเริ่มคุกคามคุณ เพราะความเหน็ดเหนื่อยจะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานของคุณลดลง ซึ่งหากรีบรักษาก็จะทำให้อาการเหล่านี้ หายไปได้

6. มีปัญหากับที่บ้านหรือที่ทำงาน

อาการนี้สังเกตได้ง่ายก็คือ หากคุณมีความขัดแย้งกับคนอื่น ๆ ในที่ทำงานมากขึ้น หรือ เริ่มคุยกับเพื่อนร่วมงานและคนในครอบครัวน้อยลง นั่นแปลว่าคุณกำลังมีอาการของ โรค Burnout Syndrome และควรรีบรักษาก่อนที่อาการเหล่านั้นจะทำให้ความสัมพันธ์ของคุณกับคนรอบข้างเลวร้ายลงครับ

7. ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง

เมื่อผู้ป่วยด้วยโรคนี้เริ่มมีอาการที่รุนแรงขึ้น ก็มักจะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่ผิด เช่น การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หรือทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ บางรายก็อาจจะนอนไม่ หลับทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ เมื่อพักผ่อนไม่เพียงพอแล้วก็จะแก้ปัญหาด้วยการดื่มกาแฟมากขึ้้นเพื่อให้มีแรงในการทำงาน ส่งผลให้เครียดกว่าเดิมและกลับไปดื่มเหล้ามากขึ้น วน เวียนไปมาไม่จบสิ้น

8. หมกมุ่นอยู่กับการทำงานแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ที่ทำงานก็ตาม

ความเครียดทำให้คุณเลิกคิดเกี่ยวกับเรื่องงานไมได้ จนทำให้คุณเอาแต่ทำงานจนกลายเป็นคนบ้างานทั้ง ๆ ที่เป็นเวลาที่คุณควรจะพักผ่อน ส่งผลให้คุณไม่มีเวลาผ่อนคลาย และกลายเป็นโรค Burnout Syndrome นั่นเอง

9. มีความสุขน้อยลง

เมื่อโรคดังกล่าวคุกคามชีวิตคุณจนทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ก็จะทำให้คุณมีความสุขและพึงพอใจกับชีวิตส่วนตัวรวมทั้งการทำ งานน้อยลง ขนาดแม้แต่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจจะทำให้คุณรู้สึกไม่พอใจจนทำให้คุณอาจหงุดหงิดไปได้ทั้งวัน

10. สุขภาพย่ำแย่

ความเครียดที่สะสมจนเรื้อรังเป็นเวลานานสามารถสร้างปัญหาสุขภาพได้มากมาย เช่น ปัญหาของระบบย่อยอาหาร โรค หัวใจ โรคอ้วน และที่สำคัญที่สุดคือโรคซึมเศร้า ซึ่ง มีความอันตรายกว่าโรค Burnout Syndrome มากเลยล่ะครับ

 Burnout Syndrome รักษาได้ด้วยตนเอง

     นอกจากวิธีการสังเกตอาการข้างต้นแล้วอาการโรค Burnout Syndrome ก็สามารถรักษาให้อาการบรรเทาลงได้ด้วยตนเองครับ ซึ่งมีวิธีดังต่อไปนี้

  • ผ่อนคลายความเครียด เมื่อคุณรู้สึกเครียดขึ้นมาเมื่อใด ให้คุณลองหากิจกรรมที่ทำแล้วรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่จะต้องใช้ความคิดอย่างหนัก ลองเปลี่ยนมานั่งสมาธิ ฟังเพลง อ่านหนังสือ ไปเดินเล่น หรือไปเยี่ยมเพื่อนและญาติ ก็ได้ครับ กิจกรรมเหล่านี้จะทำให้คุณรู้สึกสบายใจมากขึ้นได้เยอะเลยเชียวล่ะ

  • หากิจกรรมอย่างอื่นทำ ชีวิตคนเราไม่ได้มีแต่งาน ฉะนั้นนอกเหนือจากเวลางานแล้ว ควรจะมองหากิจกรรมที่สร้างความท้าทายและให้คุณได้ออกไปใช้ชีวิต จริง ๆ อย่างเช่น กีฬา การออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ทำให้คุณได้มีส่วนร่วมกับชุมชนก็เป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยาความเครียดได้ครับ

  • เลิกใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แม้ว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรืออุปกรณ์สื่อสารบางชิ้นจะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ แต่สำหรับในเวลาพักผ่อน ก็ควรจะออกให้ห่างจากสิ่ง ของเหล่านี้ เวลาพักผ่อนคือเวลาพักผ่อนครับ การที่เรายังเล่นโทรศัพท์มือถือหรือเอาแต่เช็คอีเมลในเวลาพักผ่อนจะทำให้เครียดอยู่เหมือนเดิมครับ ฉะนั้นไม่ว่าจะหลังเลิกงานหรือ เที่ยวพักร้อน อยู่ให้ไกลจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ดีกว่า

  • นอนหลับให้เพียงพอ การวิจัยหนึ่งเปิดเผยว่าการนอนหลับพักผ่อนน้อยกว่าวันละ 6 ชั่วโมง เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่จะทำให้เป็นโรค Burnout Syndrome โดยผลกระทบที่เห็นได้ชัดที่สุดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอก็คือ ประสิทธิภาพในการทำงาน และผลของงาน นอกจากนี้ก็ยังทำให้คุณอ่อนเพลีย ขาดความกระตือ รือร้น แถมยังอาจทำให้เครียดกว่าเดิมอีกด้วย ซึ่งผลกระทบทั้งหมดนี้ก็จะส่งผลต่อสภาวะจิตใจ ทำให้คุณเครียดได้ง่ายขึ้นอีกด้วย การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยทำให้ คุณรับมือปัญหาต่าง ๆได้ดีขึ้น

  • จัดระเบียบให้ชีวิต ความเครียดที่เรื้อรังทำให้ชีวิตยุ่งเหยิง เพราะคุณแทบจะไม่มีสมาธิกับสิ่งอื่น ๆ เลยนอกจากปัญหาที่อยู่ตรงหน้า และพาลทำให้ทุกๆอย่าง รอบตัวเกิดปัญหาด้วย วิธีแก้ไขก็ไม่ยากครับ แค่เพียงเริ่มจัดระเบียบชีวิตของคุณ เรียงลำดับความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ ในชีวิต เมื่อคุณจัดสรรชีวิตได้แล้ว ความเครียดก็จะลดลงเอง ครับ

  • ขอความช่วยเหลือ หากอาการต่างๆของโรค Burnout Syndrome ที่คุณกำลังประสบอยู่ไม่สามารถรักษาด้วยตนเองได้ ทางที่ดีที่สุดคือคุณควรจะ ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงาน หรือคนรอบข้าง หรือถ้าหากอาการที่คุณเป็นส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิตก็ควรที่จะพบจิตแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างจริงจัง ครับ

     ได้รู้จักกับโรคนี้กันไปแล้ว แถมยังได้วิธีการสังเกตอาการรวมทั้งวิธีการรักษาด้วยตนเองด้วย อย่างนี้ใครที่กำลังรู้สึกเครียดๆ และหมดไฟในการทำงานก็ลองสังเกตตัวเอง กันดูนะครับ จะได้รับรักษาการได้ทันท่วงที อย่าปล่อยให้ความเครียดเล็ก ๆ น้อยสะสมจนเรื้อรังจนกลายเป็นโรคซึมเศร้า แบบนี้ไม่คุ้มกันหรอก

#ความรู้เกี่ยวสุขภาพ
เครดิต : Health Kapook
ภาพ : health.kapook.com